ทุกวันนี้คุณใช้น้ำมันเหมาะกับอาหารหรือเปล่า
ถ้าหากคุณชอบการทำอาหารที่บ้าน น้ำมันเป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงให้เหมาะสมกับคุณและครอบครัว ไม่ว่าจะผัด ทอด หรือแค่พรมน้ำมันก็ตาม การวิจัยพิสูจน์แล้วว่า น้ำมันบางชนิดนั้นดีต่อสุขภาพมากกว่าชนิดอื่นๆ และการใช้น้ำมันที่เหมาะสมในการประกอบอาหารแต่ละประเภทจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าการใช้น้ำมันชนิดเดียวปรุงอาหารทุกอย่าง
วิธีทำความเข้าใจเหตุผลของการใช้น้ำมันแต่ละชนิดที่ดีที่สุด คือ การทำความเข้าใจจุดเกิดควันของมัน จุดที่น้ำมันเริ่มเกิดควันและเผาไหม้ แล้วนำไปสู่การสลายของสารอาหารจนส่งผลเสียต่อร่างกายเรียกว่า “จุดเกิดควัน” นั่นเอง น้ำมันบางชนิดให้ความร้อนสูง ในขณะที่น้ำมันชนิดอื่นนั้นเหมาะกับการทำน้ำสลัดมากกว่า
คุณคงต้องการน้ำมันที่อร่อย ดีต่อสุขภาพ และไม่ทำลายสารอาหารเมื่อสัมผัสกับความร้อนอยู่แล้ว เราจึงได้ไปค้นคว้าน้ำมันปรุงอาหารยอดนิยมหลายชนิด เพื่อที่จะช่วยคุณตัดสินใจ
น้ำมันมะกอก
น้ำมันมะกอกได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา แต่เดิมมันเคยเป็นวัตถุดิบหลักในอาหารเมดิเตอร์เรเนียน แต่ตอนนี้กลับเป็นน้ำมันที่นิยมใช้กันทั่วโลก น้ำมันมะกอกมีสามรูปแบบ ได้แก่ ไลท์โอลีฟออยล์ เพียวโอลีฟออยล์ และเอ็กซ์ตร้าเวอร์จินโอลีฟออยล์
ไลท์โอลีฟออยล์เป็นน้ำมันมะกอกคุณภาพต่ำที่สุด ผลิตขึ้นโดยใช้สารเคมีและความร้อน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกให้หมดไป
เพียวโอลีฟออยล์เป็นการผสมผสานระหว่างน้ำมันมะกอกที่ผ่านกระบวนการแปรรูปและน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ โดยปกติจะใช้ในการอบที่ไม่ต้องการรสชาติของมะกอกแรง เพราะไม่แพงจนเกินไปและดีต่อสุขภาพกว่าน้ำมันส่วนใหญ่เนื่องจากมีจุดเกิดควันต่ำ เพียวโอลีฟออยล์จึงถูกใช้เป็นน้ำสลัด หรือใช้ผัดด้วยความร้อนต่ำถึงปานกลาง
เอ็กซ์ตร้าเวอร์จินโอลีฟออยล์
ผลิตโดยการนำมะกอกและเมล็ดของมันมาสกัดเย็นในครั้งแรก เอ็กซ์ตร้าเวอร์จินโอลีฟออยล์ถูกผลิตขึ้นโดยไม่ใช้ความร้อนเลย ส่วนเวอร์จินโอลีฟออยล์เป็นน้ำมันที่ผลิตขึ้นจากการสกัดเย็นครั้งที่สองของมะกอก เวอร์จินโอลีฟออยล์มีรสชาติและสีอ่อนกว่าเอ็กซ์ตร้าเวอร์จินโอลีฟออยล์ซึ่งมีจุดเกิดควันต่ำ และเหมาะสำหรับการปรุงอาหารที่ไม่ใช้ความร้อน เช่น น้ำสลัด และดิปไขนมปัง เนื่องจากมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนในปริมาณสูง จึงมีผลโดยตรงกับความแข็งแรงของหัวใจ
น้ำมันอะโวคาโด
เช่นเดียวกับเอ็กซ์ตร้าเวอร์จินโอลีฟออยล์ น้ำมันชนิดนี้ไม่ผ่านการกลั่น และเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการปรุงอาหารที่อุณหภูมิต่ำถึงปานกลาง เพราะทำจากเนื้ออะโวคาโดแท้ น้ำมันที่สกัดออกมานั้นจึงมีรสสัมผัสเหมือนครีม และมีทั้งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนในปริมาณมาก น้ำมันอะโวคาโดยังอุดมไปด้วยวิตามินอีซึ่งเป็นประโยชน์โดยตรงต่อผิวของคุณ และช่วยให้หนังศีรษะแข็งแรง แม้จะมีจุดเกิดควันสูงแต่น้ำมันอะโวคาโดนั้นเหมาะที่สุดในการนำไปทำน้ำสลัด หรือพรมลงบนผักย่าง
น้ำมันมะพร้าว
น้ำมันชนิดนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบรสชาติของมันหรือไม่ คุณอาจจะรักน้ำมันชนิดนี้หรือไม่ก็เกลียดสุดๆ เพราะมันมีรสของมะพร้าวที่หวานเล็กน้อย นิยมใช้ทางแถบภาคใต้ของอินเดีย น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก วิตามินอีและเค มีจุดเกิดควันที่สูงกว่า และสามารถทนความร้อนได้สูงในระหว่างการปรุงอาหาร ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ มีไขมันอิ่มตัวในปริมาณสูง ซึ่งเป็นเหตุผลหลักว่า ทำไมเราจึงไม่แนะนำให้ใช้ปรุงอาหารทุกวัน
น้ำมันดอกทานตะวัน
น้ำมันชนิดนี้มีวิตามินอีสูง มีจุดเกิดควันสูง และเกือบจะไม่มีกลิ่น มันถูกใช้อย่างกว้างขวางในอินเดีย แต่สูญเสียความนิยมไปเนื่องจากมีกรดไขมันโอเมก้า 6 ซึ่งก่อให้เกิดอาการอักเสบหากบริโภคโดยไม่ได้รับโอเมก้า 3 อย่างสมดุล น้ำมันชนิดนี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยทั่วไปควรจะกินกับอาหารที่มีปลา ผักโขม วอลนัท และเมล็ดลินิน
น้ำมันวอลนัท
เป็นน้ำมันที่สกัดจากวอลนัทโดยตรงและมีจุดเกิดควันต่ำ โดยธรรมชาติแล้วคุณไม่สามารถใช้ปรุงอาหารหรือสร้างความร้อนได้ แต่มันกลับมีความยอดเยี่ยมในหลายๆ ด้าน ส่วนใหญ่เราจะใช้พร้อมกับน้ำมันที่มีรสชาติเป็นกลาง เช่นน้ำมันมะกอกเพื่อทำน้ำสลัด หรือใช้ราดหน้าแพนเค้ก น้ำมันวอลนัทมีสมดุลของกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 มันจึงช่วยรักษาอาการอักเสบ และยังให้รสชาติวอลนัทในอาหารอีกด้วย
คุณสามารถวางแผนการปรุงอาหารได้โดยใช้น้ำมันหลายๆ ชนิดกับเมนูที่แตกต่างกัน ลองทำอาหารเช้าเป็นเส้นพาสต้าที่ดีต่อสุขภาพ ทานไก่อบเป็นมื้อกลางวัน และทานครันชี่เอเชี่ยนสลัดเป็นของว่างดูสิ
น้ำมันทุกชนิดมีข้อดี และบางชนิดนั้นมีมากกว่าชนิดอื่นๆ แต่วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพคือการใช้น้ำมันแต่ละชนิดให้เหมาะกับการปรุงอาหารแทนที่จะยึดติดกับน้ำมันเพียงชนิดเดียว ลองสนุกสนานไปกับคุณประโยชน์ของน้ำมันแต่ละชนิด แล้วเพิ่มการออกกำลังกายในปริมาณที่เหมาะสมเข้าไปด้วย เพื่อให้คุณมีความสุขกับไลฟ์สไตล์ที่สมดุล