เป็นโรคลมชักมาตั้งแต่อายุ 17 จึงพยายามออกกำลังกายมาตลอด คิดว่าตัวเองหายแล้ว ไม่เป็นอะไร จนวันหนึ่งพบว่าตัวเองเดินเซ กล้ามเนื้ออ่อนแรง ตรวจพบโรคเส้นเลือดตีบ และเนื้องอกระหว่างสมองซีกซ้ายและขวา แต่ดิฉันไม่ยอมแพ้ คิดว่ามันต้องมีทางหาย เริ่มออกกำลังกายโดยใช้เทรนเนอร์ช่วยฝึกทั้งสร้างกล้ามเนื้อ โยคะ อาการป่วยดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายไป เนื้องอกในสมองเล็กลง พร้อมกับรูปร่างที่ดีและแข็งแรง ขอบคุณเทรนเนอร์ที่ดูแลเราเหมือนแม่คนหนึ่งและฟิตเนส เฟิรส์ท ที่ทำให้ดิฉันมีความสุขได้ขนาดนี้

เคยตรวจพบเนื้องอกในมดลูกและโรครูมาตอยด์ หมอบอกว่า โรคนี้รักษาไม่หาย ต้องกินยาตลอดชีวิต ต้องกินยาเยอะมาก แต่สิ่งแรกที่บอกกับตัวเองคือ ฉันต้องหาย ดิฉันเลือกที่จะเข้าฟิตเนส เฟิรส์ทแทนที่จะไปทำกายภาพบำบัด ช่วงแรกเจ็บทุกย่างก้าวที่เดิน แต่ก็ยังสู้ต่อไปเข้าทุกคลาสเพราะอยากให้ร่างกายได้ใช้ทุกส่วน ทำมาตลอด 7 ปี สุขภาพและรูปร่างดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้ไม่มีใครเชื่อว่าเราเป็นโรครูมาตอยด์ เพราะกล้ามเนื้อที่ชัดเจนและสุขภาพที่แข็งแรง ฟิตเนส เฟิรส์ทไม่ได้ให้แค่สุขภาพที่ดี แต่ยังให้เพื่อนและกำลังใจที่มีความหมายกับดิฉันด้วยค่ะ

เป็นคนป่วยง่าย หายช้ามาตั้งแต่เด็ก เมื่อเข้าสู่วัยทำงานก็ปล่อยตัวจนน้ำหนักพุ่งมาจนถึง 80 กิโลกรัม ไม่เคยใส่ใจสุขภาพอย่างจริงจัง จนเมื่อต้องเห็นแฟนตัวเองนอนป่วยเข้าออก ICU นับครั้งไม่ถ้วนกว่า 2 ปี จึงได้เข้าใจว่าหากจะอยู่กับคนที่รักไปนานๆ เราต้องเริ่มจากการดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีก่อน จึงหันมาออกกำลังกายอย่างจริงจัง เทรนเนอร์มีส่วนช่วยอย่างมากที่ทำให้ออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องและเห็นผล ทุกครั้งที่ออกกำลังกายจะบอกกับตัวเองเสมอว่าเรากำลังจะแข็งแรงขึ้น อย่าให้อายุ เวลา มาเป็นขีดจำกัด ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเรามุ่งมั่นที่จะทำ

เกิดมาพร้อมกับรูปร่างที่เรียกได้ว่า แบนทั้งตัว และด้วยอาชีพหมอที่แทบไม่มีเวลาพักผ่อน หลังเลิกงานก็กินแบบไม่ยั้ง แม้จะผอมแต่รูปร่างไม่กระชับ เพราะอยากใส่เสื้อผ้าสวยๆ และมั่นใจในรูปร่างตัวเอง จึงหันมาเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง เพราะเวลาเลิกงานที่ไม่แน่นอน ฟิตเนส เฟิรส์ท จึงเป็นคำตอบ วันนี้ดิฉันได้รูปร่างใหม่ที่มั่นใจกว่าเดิม และยังเป็นต้นแบบให้คนรอบข้างหันมาออกกำลังกายด้วยค่ะ

เป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยรู้สึกแย่จนเจอเพื่อนและถ่ายรูปร่วมกัน รับสภาพตัวเองไม่ได้เลยตัดสินใจลองลดความอ้วนสักครั้ง เดินเข้าฟิตเนสครั้งแรก รู้สึกอายสายตาคนรอบข้างที่มองคนน้ำหนัก 100 กว่ากิโลกรัมกำลังออกกำลังกาย แต่เพราะคิดว่าเกิดเป็นคนทั้งทีเราต้องทำให้ได้ เทรนเนอร์ช่วยออกแบบโปรแกรมและโภชนาการ ติดตามอย่างต่อเนื่อง และให้กำลังใจ วันนี้น้ำหนักดิฉันหายไปกว่า 50 กิโลกรัมมาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต

ดิฉันเป็นหมอที่ละเลยสุขภาพตัวเองมาตลอด จนน้ำหนักมากถึง 109 กิโลกรัม วันหนึ่งเกิดอาการตาพร่า ตรวจพบว่าน้ำตาลในเลือดสูงมาก เพราะเป็นหมอจึงรู้ว่า หากไม่ดูแลตัวเองตอนนี้ อนาคตคงต้องนอนล้างไตวันละ 6 ชม. จึงเริ่มออกกำลังกาย ปรับตารางชีวิตตัวเองใหม่ โดยมาเทรนที่ฟิตเนส เฟิรส์ท มีเทรนเนอร์ 5 คนที่ดูแลครบทุกด้านของการออกกำลังกายและโภชนาการ น้ำหนักหายไป 52 กิโลกรัม ได้สุขภาพที่ดีขึ้น ตอนนี้การออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ทำให้ดิฉันรู้สึกสนุกและท้าทายตัวเองอยู่เสมอ

ผมเป็นคนกินเก่งมาก ประกอบกับเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็ก รู้ตัวอีกทีน้ำหนักขึ้นมาเป็น 100 กว่ากิโลกรัม ผมตัดสินใจลดน้ำหนักด้วยการอดอาหาร จนน้ำหนักลดลงกว่า 30 กิโลกรัม แต่สิ่งที่ตามมาคือผิวเหี่ยว หน้าแก่ อ่อนเพลีย หลังจากคบกับแฟน ก็มีความสุขกับชีวิตจนน้ำหนักเด้งขึ้นไป 100 กว่าโลอีกครั้ง นอนหงายไม่ได้เพราะหายใจไม่ออกผมกลัวตายก่อนได้แต่งงาน เลยตัดสินใจออกกำลังกายกับเทรนเนอร์อย่างจริงจัง คุมเข้มโภชนาการ ปัจจุบันผมมีซิกส์แพคเป็นของตัวเองและได้เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่น รู้สึกดีมากครับ

มีคนเคยพูดกับผมว่า ใครมาแข่งรถกันตอนแก่ อายุ 50 ไปลงแข่งกับเขาจะไหวหรอ แต่สำหรับผมเชื่อว่า ใจที่มุ่งมั่นและร่างกายที่แข็งแรงนั้นสำคัญกว่าอายุ นอกจากทักษะแล้วสิ่งสำคัญคือ ต้องเตรียมกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทก และระบบการหายใจที่ดี การมีเทรนเนอร์ที่ดี ช่วยให้ผมประสบความสำเร็จได่ง่ายขึ้น วันนี้ผมเป็นแชมป์ประเทศไทยมาแล้ว 3 ครั้งในวัย 52 ปี ภูมิใจมากครับ

ไม่ได้มีแรงบันดาลใจเรื่องกีฬาแต่มาเริ่มออกกำลังกายเพราะน้ำหนักตัวมากขึ้น หลังจากนั้นสุขภาพผมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมีโอกาสได้ลองปั่นจักรยาน 80 กม.ครั้งแรก ปั่นตามใครไม่ทันเลย กล้ามเนื้อเหมือนมีเข็มเป็นพันเล่มแทงขาอยู่ตลอดเวลา เลยกลับมาปรึกษาเทรนเนอร์ออกแบบโปรแกรมฝึกเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ปั่นได้ดียิ่งขึ้น จนลงปั่นสนาม AUDAX THAILAND จาก 200 กม. เพิ่มระยะไปเรื่อยๆ จนปัจจุบัน ผมสามารถจบสนาม 1,000 กม. เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ได้แล้วครับ